ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวิชาเศรษฐศาสตร์
ความหมายตามแนวตะวันตก
วิชาเศรษฐศาสตร์มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า
“economic” ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษากรีกว่า “oikonomikos” แปลว่า การบริหารจัดการของครัวเรือน ดังนั้น วิชาเศรษฐศาสตร์จึงมีต้นกำเนิดมาจากการศึกษาเกี่ยวกับการบริหารจัดการกิจกรรมของครัวเรือน
(household management)
ในชีวิตประจาวันทุก
ๆ คนมีเรื่องที่จะต้องตัดสินใจในการใช้จ่ายสิ่งต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา จึงมีปัจจัยหลายประการที่เข้ามามีบทบาทเกี่ยวข้องในการตัดสินใจ
เช่น ราคาของสินค้า เงินที่มีอยู่ รสนิยมและความพึงพอใจ เป็นต้น แม้ในระดับครอบครัวและระดับประเทศ
การตัดสินใจในการใช้จ่ายจะต้องคำนึงถึงรายได้รวมว่าเป็นอย่างไร และมีกาลังในการใช้จ่ายมากน้อยเพียงใด
ในด้านการบริหารรายรับ และรายจ่ายนี้
รวมเรียกว่า “การบริหารงบประมาณ” ซึ่งวิชาเศรษฐศาสตร์จะว่าด้วยการศึกษาถึงปัญหาและวิธีการบริหารงบประมาณของประชาชน
ทั้งในระดับบุคคล ระดับครอบครัวและระดับประเทศ ทั้งนี้เพื่อให้การใช้จ่ายและการดาเนินกิจกรรมต่างๆ
เป็นไปอย่างประหยัดและสอดคล้องกับเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างดีที่สุด ดังนั้น วิชาเศรษฐศาสตร์จึงศึกษาถึงวิธีการจะตอบสนองความต้องการที่ไม่สิ้นสุดของมนุษย์
ด้วยทรัพยากรอันมีอยู่อย่างจากัด ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ประเภทของสินค้าและบริการ
ปัจจัยการผลิต หมายถึง ทรัพยากรที่ใช้เพื่อการผลิตเป็นสินค้าและบริการ
ในความหมายทางเศรษฐศาสตร์แบ่งปัจจัยการผลิตเป็น
4 ประเภท ดังนี้
1. ที่ดิน (Land) ซึ่งใช้เป็นที่ของอาคารโรงงานที่ทาการผลิต
รวมถึงทรัพยากรที่อยู่ในดิน โดยผลตอบแทนของที่ดินได้แก่ ค่าเช่า (Rent)
2. แรงงาน (Labour) หมายถึง ความคิดและกาลังกายของมนุษย์ได้นาไปใช้ในการผลิต
โดยมีผลตอบแทนคือ ค่าจ้าง (Wage or Salary)
3. ทุน ( Capital) ในความหมายทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง สิ่งก่อสร้าง และเครื่องจักรเครื่องมือที่ใช้ในการผลิต
นอกจากนี้ทุนยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
เงินทุน (Money Capital) หมายถึง ปริมาณเงินตราที่เจ้าของเงินนาไปซื้อวัตถุดิบ
จ่ายค่าจ้าง ค่าเช่า และดอกเบี้ย
สินค้าประเภททุน (Capital Goods) หมายถึง สิ่งก่อสร้าง รวมถึงเครื่องมือเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเป็นต้น
ผลตอบแทนจากเงินทุน คือ ดอกเบี้ย (Interest)
4. ผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) หมายถึง บุคคลที่สามารถนาปัจจัยการผลิตต่าง
ๆ มาดาเนินการผลิตให้มีประสิทธิภาพที่สุด โดยอาศัยหลักการบริหารที่ดี การตัดสินใจจากข้อมูลหรือจากเกณฑ์มาตรฐานอย่างรอบคอบ
รวมถึงความรับผิดชอบ ผลตอบแทน คือ กำไร (Profit)
ลักษณะของวิชาเศรษฐศาสตร์
มีลักษณะ ดังนี้
1. เป็นวิชาหนึ่งของสังคมศาสตร์
2. เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับวิชาอื่น
ๆ ในสังคมศาสตร์ เช่น ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์
3. ส่วนใหญ่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิต
ความเป็นอยู่ประจาวันของมนุษย์
4. ข้อมูลส่วนใหญ่ แสดงออกในรูปของปริมาณ
หรือตัวเลขต่างๆ แต่บางเรื่องก็ไม่อาจวัดออกมาเป็นปริมาณ หรือตัวเลขได้ เช่น ความชอบ
ความพอใจ เป็นต้น
ความเป็นมาของวิชาเศรษฐศาสตร์
วิชาเศรษฐศาสตร์มีที่มาจากเหตุผล 2 ประการ คือ
1. ทรัพยากรมีจากัด คือ สิ่งที่จะนามาผลิตสินค้าและบริการเพื่อจาหน่ายจ่ายแจกให้กับผู้บริโภค
ซึ่งรวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรมนุษย์และทรัพยากรที่เป็นทุน เช่น เครื่องจักร
เทคนิคการผลิต เงินทุนมีจากัด
2. ความต้องการมีไม่จากัด คือ ความต้องการมนุษย์ที่จะกิน ใช้ทรัพยากร
เพื่อสนองความต้องการของตนมีไม่จำกัด
ความสำคัญ
วิชาเศรษฐศาสตร์ มีความสำคัญดังนี้
1. เศรษฐศาสตร์จะช่วยให้การจัดสรรทรัพยากรมีประสิทธิภาพสูงสุดและยุติธรรม
เพื่อสนองความต้องการของสังคมส่วนรวม
2. เศรษฐศาสตร์เป็นเครื่องมือหรือวิธีการที่จะช่วยให้เข้าใจเหตุการณ์และปัญหาเศรษฐกิจในชีวิตประจาวัน
รวมทั้งการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจด้วย
3. เศรษฐศาสตร์จะให้ความรู้พื้นฐานอันเป็นประโยชน์ในการประกอบอาชีพสาขาต่าง
ๆ
4. เศรษฐศาสตร์ช่วยให้ประชากรของประเทศเป็นคนมีคุณภาพ รู้จักการผลิตและการบริโภค
และมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาประเทศ
ประเภทของวิชาเศรษฐศาสตร์
ในการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ สามารถจำแนกขอบเขตได้เป็น 2 แขนงวิชา คือ เศรษฐศาสตร์จุลภาค
(Microeconomics) และเศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomics)
เศรษฐศาสตร์จุลภาค (Microeconomics)
เป็นแขนงวิชาเศรษฐศาสตร์ที่พิจารณาปัญหาและพฤติกรรมทางเศรษฐกิจของสังคมในระดับหน่วยย่อย (Individual unit) เป็นสำคัญ เน้นศึกษาถึงการตัดสินใจทางธุรกิจของหน่วยผลิต
(firm) หน่วยใดหน่วยหนึ่ง หรืออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง หรือศึกษาถึงพฤติกรรมของครัวเรือน
(household) หนึ่ง ๆ ในฐานะที่เป็นผู้บริโภค
เศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomics)
เป็นแขนงวิชาเศรษฐศาสตร์ที่พิจารณาปัญหาและพฤติกรรมทางเศรษฐกิจในระดับส่วนรวมหรือระดับประเทศ
เช่น ศึกษาถึงภาวการณ์ผลิตและราคาสินค้าโดยรวมของประเทศ ภาวการณ์ว่างงานและความผันผวนต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งนโยบายหรือมาตรการที่สามารถนามาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาของเศรษฐกิจส่วนรวมได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น